*** ว่ากันต่อนะคะหลังจากที่ห่างหายไปนาน ***
การชำระล้างออร่าแบบนีโอฮิวแมนนิส (Neo-humanist)
เป็นศาสตร์แห่งการรู้จักตนเองที่จะพยายามรวบรวมเอาความเชื่อและการปฏิบัติที่ดีงามของลัทธิศาสนาต่างๆ ตั้งแต่อดีตกาลเมื่อ 7,000 กว่าปีมาแล้ว กระทั่งจนถึงปัจจุบัน มาอธิบายโดยใช้หลักการและผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางจิตวิทยาเป็นการเสริม เพื่อให้มนุษย์สามารถที่จะเข้าใจจิตใจของตนเองได้ดีขึ้น ไม่ให้มนุษย์สูญเสียคุณค่าสูงสุดทางจิตสูงสุดที่ผู้คนทุกยุคสมัยำด้พยายามดำรงไว้เป็นแนวปฎิบัติของศาสานาต่างๆ เป็นเวลาช้านานและเพื่อที่จะให้การปฏิบัติของความเชื่อในลัทธิศาสนาต่างๆ สามารถกลมกลืนสอดคล้องกันได้มากขึ้น เพื่อว่ามนุษย์แต่ละกลุ่มจะมองกันด้วยสาระมากกว่าที่จะมองกันที่การประดับประดาตรงแต่ง พิธีกรรมหรือชื่อเรียกภายนอก เพื่อมนุษย์จะสามารถรวมเป็นครอบครัวและเป็นมิตรกันได้ แม้ว่าจะมีภูมิหลังที่จะแตกต่างกัน แต่มนุษย์ก็สามารถที่จะเข้าใจกันได้
1. การปฏิบัติจิตที่เป็นหนึ่งเดียว (Concentration)เป็นการใช้ท่านั่งสมาธิที่ถูกต้อง (Physical postue)โดยเฉพาะใช้ท่าที่เหมาะสมที่สุด คือ การนั่งในท่าดอกบัวเต็มดอก (Full lotus posture) หรือที่ภาษาสันสกฤตว่า ปัทมาสนะ ซึ่งสามารถชักนำจิตใจไปสู่ภาวะที่สงบที่สุด (Bhuta Shuddhi ) เหมือนการสร้างจินตนาการที่ตัวเองไปนั่งสมาธิบนยอดเขาหิมาลัย แล้วใช้เทคนิคการถอดถอนจิตออกจากร่างกาย ( Asana shuddi ) อันเป็นเทคนิคการช่วยลดอัตตา ( Ego ) หรือความรู้สึกว่าตัวเราคือเราหรือร่างกายนี้คือของเรา โดยการใช้กระบวนการถอดถอนความรู้สึกออกจากร่างกายแต่ละส่วน จนทำให้เกิดการเข้าลึก และการผ่อนคลาย อย่างล้ำลึก
( Deep Relaxation) การถอดถอนจิตออกจากความคิดอื่นทั้งสิ้นจะทำให้ผู้ปฏิบัติรู้สึกเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับคลื่นของจักรวาลอาจจะมีการภาวนา มันตราเฉพาะตัว (Personal Mantra) ที่ทำให้จิตใจผู้ฝึกเข้าสู่คลื่นสมองต่ำ ( Low Brain wave) จนเข้าสู่คลื่นจักรวาล ซึ่งเป็นคลื่นสมองที่ราบเรียบใกล้เส้นตรงของความถี่ ระดับ 1 – 3 เฮิร์ท อันเป็นภาวะของการเข้าฌาน ( Dhyana ) จนเกิดความ ปิติสุขจากภายในที่แผ่ซ่าน จนกระจายเป็นประกายแสงออร่าระดับสีม่วง หรือสีม่วงทอง ที่สว่างสดใสเหลือประมาณ
โดยเฉพาะการกล่าวมันตราว่า ( Ba Ba Namkevalam ) บาบานัม เควาลัม ไว้ในใจ ซึ่งเป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่ว่า “ ความรัก มีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ( Love is all there is ) หรือพลังความรักจากจักรวาล ( Cosmic Love หรือ Universal love )
ดังที่ครูผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า “ man is born to be happy and radiate happiness ” หรือ “ คนที่เกิดขึ้นมา เพื่อแสวงหาความสุขที่แท้จริงของชีวิตและการแบ่งปันความสุขที่ยิ่งใหญ่นี้แก่ทุกสรรพสิ่ง
การชำระล้างออร่าแบบนีโอฮิวแมนนิส จะเข้าสู่การสัมผัสแสงชีวิต หรือ พลังจิต ( Mind Power ) และมีการหยั่งรู้ด้วยตนเอง (Intuition) โดยเฉพาะการฝึกใช้ท่านอนตาย ( Dead Posture ) ของโยคะที่เป็นท่าง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เป็นท่าที่ผู้ฝึกจะมีการผ่อนคลายสูง ท่านี้เป็นท่านอนหงายกางแขนขาออก จากกันเล็กน้อย แบมืออยู่ที่ข้างๆ ลำตัว แล้วเข้าสู่ความคิด ความรู้สึกที่ว่าตัวเราได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว จะเป็นสภาวะของจิตที่ให้ประสบการณ์ที่ดียิ่ง
ส่วนลีลาการเต้นรำของโยคีโบราณที่เรานั้น เรียกว่า คีรตาน
( Kiirtan ) เป็นการเต้นรำของโยคีโบราณ ถือว่าเป็นการเต้นรำที่ถือว่าปลดปล่อยจิตใจ ให้พ้นไปจากพันธนาการของสภาพแวดล้อมด้วยความ ปรารถนาทั้งปวงของบุคคล
หลักการของการเต้น คีรตาน ก็คือ การใช้ประสาทรับและแสดงความรู้สึกให้มากจนอวัยวะเหล่านั้นไม่สามารถรับรู้หรือสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมภายนอกได้
![]() |
เต้นคีรตาน |
ในการเต้น มือทั้งสองข้างจะชูอยู่เหนือศีรษะจนล้า อาจจะตบมือไปตามจังหวะเพลงเล่นดนตรี หรือพนมไว้เฉยๆ ก็ได้ เท้าทั้งสองข้างจะย่ำไปตามจังหวะ หลอดเสียงจะเปล่ง มันตราที่ร้องออกมาเป็นเพลง ความหมายของมันตราจะน้อมนำจิตไปสู่ภาวะที่ผ่องใส เบิกบาน เป็นอัมตะ หลับตา และหูจะได้ยินเสียงเพลงของมันตรา ในไม่ช้า ผู้เต้น
ครีตาน จะเข้าสู่ภาวะแห่งความสงบสันติได้
ครีตาน เป็นการเตรียมจิตของผู้ฝึกสมาธิภาวนาให้มีความสุขสงบเบื้องต้นเมื่อบุคคลฝึกสมาธิภาวนาหลังจากคีรตาน จะทำให้เกิดสมาธิและนำจิตเข้าสู่ระดับที่ลึกซึ้งขึ้นได้ง่ายนอกจากนี้ก็ยังมีฝึกพัฒนาแสงออร่า แบบนีโอฮิวแมนนิส ด้วยการเต้นเกาชิกิ( Kaoshikii ) ถือเป็นการสั่นสะเทือนของแสงออร่าในร่างกายที่ประสานกับจิตใจอย่างชัดเจน
![]() |
เกาชิกิ ระบําโยคะ |
นอกจากการเต้นแบบนีโอฮิวแมนนิส ที่เรียกว่า เกาชิกิ แล้วยังมี การเต้นรำแบบโยคะอีกท่าหนึ่งที่เรานั้นเรียกว่า ตันดวะ ( Tantava ) ที่แปลจากภาษาสันสกฤตว่า ตันดุ ( Tanta ) คือการออกกำลังกายแบบการกระโดดรุนแรง หนักหน่วง เหมาะสำหรับเพศชายเท่านั้น แต่เป็นกระบวนท่าชะล้างออร่าเช่นกัน ท่าเต้นรำนี้ประดิษฐ์ขึ้นโดย PR Sasrkar โยคีผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษนี้ในปี ค.ศ. 1978 การเต้นเกาชิกินี้จะประกอบไปด้วย 18 จังหวะ ไปทางขวา 5 จังหวะ ไปทางซ้าย 5 จังหวะ ไปข้างหน้า 3 จังหวะ และไปทางด้านหลัง 5 จังหวะ ขณะที่เต้นมีการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กันทั้งมือทั้งเท้าพร้อมๆ กับการภาวนาคำที่เป็นภาษาสันสกฤตว่า BABA NAM KEVA LAW
( บาบา นัม เควาลัม ) แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Love is every where หรือ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ความรักที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง หรือการมีความรักให้กับตัวเอง และมีความรักให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง
ผู้เต้นจะเริ่มเต้นด้วยจากการยกมือพนมตรงขึ้นไปเหนือศีรษะ ท่าเต้นนี้ศีรษะของผู้เต้นจะอยู่ระหว่างแขนทั้งสองข้างที่เหยียดตรงนี้ตลอดเวลา การเคลื่อนไหวเริ่มจากการเอียงร่างกาย
- เอียงไปทางขวา 3 จังหวะ แล้วกลับไปที่เดิม 2 จังหวะ
- เอียงไปทางซ้าย 3 จังหวะ แล้วกลับมาที่เดิม 2 จังหวะ
- ก้มลงไปข้างหน้า 2 จังหวะ แล้วกลับมาที่เดิม 1 จังหวะ
- เอนไปข้างหลัง 2 จังหวะ แล้วกลับมาที่เดิม 1 จังหวะ
จบท่าเต้นรำ 1 รอบด้วยการเหยียบแรงๆ บนพื้นด้วยเท้าขวาและเท้าซ้าย ในขณะที่เคลื่อนไหวอวัยวะส่วนบนของร่างกาย เท้าของผู้ฝึกก็จะมีการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะที่สอดคล้องกันโดยจังหวะแรกเท้าขวาจะไปแตะพื้นหลังเท้าซ้ายและชักเท้าขวากลับที่เดิม เท้าขวาเรียบติดพื้น เท้าซ้ายจะไปแตะพื้นหลังเท้าขวาแล้วชักเท้ากลับมาที่เดิม เท้าซ้ายเรียบติดพื้น ทำสลับกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ผู้ฝึกจะมีการพัฒนาสติเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะต้องควบคุมการทำงานของร่างกายส่วนบนและส่วนล่างให้ประสานกัน พร้อมๆ กับการภาวนาคำว่า BABA NAM KEVALAM และคิดถึงความหมายของคำคำนี้อยู่ตลอดเวลา เกาชิกินี้มีประโยชน์ต่อทุกส่วนของร่างกายจากหัวถึงเท้าทำให้เกิดการกระตุ้นแสงกายรัศมีออร่า ได้สว่างไสวงดงาม
โดยสรุปศาสตร์แห่งการชำระล้างออร่าแบบนีโอฮิวแมนนิส นั้น คือการเข้าถึงตัวตนจากวิญญาณที่เป็นแสงสว่างแห่งความรัก ความบริสุทธิ์ และจิตเหนือสำนึก ( Superconscious mind ) อันเป็นการเข้าไปสู่ความไร้อัตตา ตัวตนในที่สุด
*** สุดท้ายสำหรับวันนี้ขอแถมคลิปดีๆ มีสาระที่น่าศึกษาค่ะ ***
เรียบเรียงจากงานค้นคว้าและวิจัยของ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข
Phon : 091-5197945 , 081-9735945
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น