วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การชำระล้างออร่าแบบนีโอฮิวแมนนิส

*** ว่ากันต่อนะคะหลังจากที่ห่างหายไปนาน ***

การชำระล้างออร่าแบบนีโอฮิวแมนนิส (Neo-humanist)

            เป็นศาสตร์แห่งการรู้จักตนเองที่จะพยายามรวบรวมเอาความเชื่อและการปฏิบัติที่ดีงามของลัทธิศาสนาต่างๆ  ตั้งแต่อดีตกาลเมื่อ  7,000  กว่าปีมาแล้ว  กระทั่งจนถึงปัจจุบัน  มาอธิบายโดยใช้หลักการและผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางจิตวิทยาเป็นการเสริม เพื่อให้มนุษย์สามารถที่จะเข้าใจจิตใจของตนเองได้ดีขึ้น  ไม่ให้มนุษย์สูญเสียคุณค่าสูงสุดทางจิตสูงสุดที่ผู้คนทุกยุคสมัยำด้พยายามดำรงไว้เป็นแนวปฎิบัติของศาสานาต่างๆ เป็นเวลาช้านานและเพื่อที่จะให้การปฏิบัติของความเชื่อในลัทธิศาสนาต่างๆ  สามารถกลมกลืนสอดคล้องกันได้มากขึ้น  เพื่อว่ามนุษย์แต่ละกลุ่มจะมองกันด้วยสาระมากกว่าที่จะมองกันที่การประดับประดาตรงแต่ง  พิธีกรรมหรือชื่อเรียกภายนอก  เพื่อมนุษย์จะสามารถรวมเป็นครอบครัวและเป็นมิตรกันได้  แม้ว่าจะมีภูมิหลังที่จะแตกต่างกัน  แต่มนุษย์ก็สามารถที่จะเข้าใจกันได้  
            อาจารย์เกียรติวรรณ  อมาตยกุล  ผู้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ  ( Neo-humanist  Meditation  )  เคยกล่าวถึงแนวทางอันยิ่งใหญ่ของ พีอาร์  ซาการ์  P.R.Sarkar  )  นักบุญ  นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่  ที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า  ศรี  อานันดามูรติ  (  Shrii  Anandamarti  )  ในการภาวนาตันตระโยคะ เพื่อการเข้าถึงแสงสว่างที่สมบูรณ์แบบทางจิตวิญญาณนั้นจะต้องประกอบด้วย  เป้าหมายสำคัญของการเข้าถึงตัวตน  คือ 
1.  การปฏิบัติจิตที่เป็นหนึ่งเดียว (Concentration)เป็นการใช้ท่านั่งสมาธิที่ถูกต้อง (Physical  postue)โดยเฉพาะใช้ท่าที่เหมาะสมที่สุด  คือ  การนั่งในท่าดอกบัวเต็มดอก (Full  lotus  posture)   หรือที่ภาษาสันสกฤตว่า  ปัทมาสนะ  ซึ่งสามารถชักนำจิตใจไปสู่ภาวะที่สงบที่สุด (Bhuta  Shuddhi ) เหมือนการสร้างจินตนาการที่ตัวเองไปนั่งสมาธิบนยอดเขาหิมาลัย  แล้วใช้เทคนิคการถอดถอนจิตออกจากร่างกาย  ( Asana  shuddi  )  อันเป็นเทคนิคการช่วยลดอัตตา Ego ) หรือความรู้สึกว่าตัวเราคือเราหรือร่างกายนี้คือของเรา  โดยการใช้กระบวนการถอดถอนความรู้สึกออกจากร่างกายแต่ละส่วน  จนทำให้เกิดการเข้าลึก  และการผ่อนคลาย  อย่างล้ำลึก 


Deep  Relaxation) การถอดถอนจิตออกจากความคิดอื่นทั้งสิ้นจะทำให้ผู้ปฏิบัติรู้สึกเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับคลื่นของจักรวาลอาจจะมีการภาวนา มันตราเฉพาะตัว (Personal Mantra) ที่ทำให้จิตใจผู้ฝึกเข้าสู่คลื่นสมองต่ำ       ( Low Brain wave)  จนเข้าสู่คลื่นจักรวาล  ซึ่งเป็นคลื่นสมองที่ราบเรียบใกล้เส้นตรงของความถี่  ระดับ  1 3  เฮิร์ท  อันเป็นภาวะของการเข้าฌาน  (  Dhyana )  จนเกิดความ ปิติสุขจากภายในที่แผ่ซ่าน  จนกระจายเป็นประกายแสงออร่าระดับสีม่วง หรือสีม่วงทอง  ที่สว่างสดใสเหลือประมาณ
            โดยเฉพาะการกล่าวมันตราว่า  (  Ba Ba  Namkevalam  บาบานัม  เควาลัม  ไว้ในใจ  ซึ่งเป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่ว่า  “  ความรัก  มีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ( Love  is  all  there  is ) หรือพลังความรักจากจักรวาล  ( Cosmic  Love  หรือ  Universal  love  )  
ดังที่ครูผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า  “  man   is  born  to  be  happy and  radiate  happiness  ”  หรือ  “  คนที่เกิดขึ้นมา  เพื่อแสวงหาความสุขที่แท้จริงของชีวิตและการแบ่งปันความสุขที่ยิ่งใหญ่นี้แก่ทุกสรรพสิ่ง
การชำระล้างออร่าแบบนีโอฮิวแมนนิส  จะเข้าสู่การสัมผัสแสงชีวิต  หรือ  พลังจิต  ( Mind  Power  )  และมีการหยั่งรู้ด้วยตนเอง  (Intuition)   โดยเฉพาะการฝึกใช้ท่านอนตาย  ( Dead Posture  )  ของโยคะที่เป็นท่าง่ายๆ  ที่ทุกคนทำได้เป็นท่าที่ผู้ฝึกจะมีการผ่อนคลายสูง  ท่านี้เป็นท่านอนหงายกางแขนขาออก  จากกันเล็กน้อย  แบมืออยู่ที่ข้างๆ ลำตัว  แล้วเข้าสู่ความคิด  ความรู้สึกที่ว่าตัวเราได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว  จะเป็นสภาวะของจิตที่ให้ประสบการณ์ที่ดียิ่ง
ส่วนลีลาการเต้นรำของโยคีโบราณที่เรานั้น  เรียกว่า  คีรตาน 
( Kiirtan )   เป็นการเต้นรำของโยคีโบราณ  ถือว่าเป็นการเต้นรำที่ถือว่าปลดปล่อยจิตใจ  ให้พ้นไปจากพันธนาการของสภาพแวดล้อมด้วยความ ปรารถนาทั้งปวงของบุคคล
หลักการของการเต้น คีรตาน  ก็คือ  การใช้ประสาทรับและแสดงความรู้สึกให้มากจนอวัยวะเหล่านั้นไม่สามารถรับรู้หรือสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมภายนอกได้

เต้นคีรตาน

ในการเต้น  มือทั้งสองข้างจะชูอยู่เหนือศีรษะจนล้า  อาจจะตบมือไปตามจังหวะเพลงเล่นดนตรี  หรือพนมไว้เฉยๆ  ก็ได้  เท้าทั้งสองข้างจะย่ำไปตามจังหวะ  หลอดเสียงจะเปล่ง  มันตราที่ร้องออกมาเป็นเพลง  ความหมายของมันตราจะน้อมนำจิตไปสู่ภาวะที่ผ่องใส  เบิกบาน  เป็นอัมตะ  หลับตา  และหูจะได้ยินเสียงเพลงของมันตรา  ในไม่ช้า  ผู้เต้น
ครีตาน  จะเข้าสู่ภาวะแห่งความสงบสันติได้
ครีตาน  เป็นการเตรียมจิตของผู้ฝึกสมาธิภาวนาให้มีความสุขสงบเบื้องต้นเมื่อบุคคลฝึกสมาธิภาวนาหลังจากคีรตาน  จะทำให้เกิดสมาธิและนำจิตเข้าสู่ระดับที่ลึกซึ้งขึ้นได้ง่ายนอกจากนี้ก็ยังมีฝึกพัฒนาแสงออร่า แบบนีโอฮิวแมนนิส ด้วยการเต้นเกาชิกิ( Kaoshikii ) ถือเป็นการสั่นสะเทือนของแสงออร่าในร่างกายที่ประสานกับจิตใจอย่างชัดเจน

เกาชิกิ ระบําโยคะ

นอกจากการเต้นแบบนีโอฮิวแมนนิส  ที่เรียกว่า เกาชิกิ  แล้วยังมี  การเต้นรำแบบโยคะอีกท่าหนึ่งที่เรานั้นเรียกว่า  ตันดวะ  ( Tantava )  ที่แปลจากภาษาสันสกฤตว่า  ตันดุ ( Tanta )  คือการออกกำลังกายแบบการกระโดดรุนแรง  หนักหน่วง  เหมาะสำหรับเพศชายเท่านั้น  แต่เป็นกระบวนท่าชะล้างออร่าเช่นกัน ท่าเต้นรำนี้ประดิษฐ์ขึ้นโดย  PR Sasrkar  โยคีผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษนี้ในปี  ค.ศ. 1978  การเต้นเกาชิกินี้จะประกอบไปด้วย  18 จังหวะ  ไปทางขวา 5 จังหวะ  ไปทางซ้าย  5 จังหวะไปข้างหน้า 3 จังหวะ  และไปทางด้านหลัง  5 จังหวะ ขณะที่เต้นมีการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กันทั้งมือทั้งเท้าพร้อมๆ  กับการภาวนาคำที่เป็นภาษาสันสกฤตว่า  BABA  NAM  KEVA  LAW
( บาบา นัม เควาลัม )  แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า   Love  is  every  where  หรือ  แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า  ความรักที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง  หรือการมีความรักให้กับตัวเอง  และมีความรักให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง 
              ผู้เต้นจะเริ่มเต้นด้วยจากการยกมือพนมตรงขึ้นไปเหนือศีรษะ  ท่าเต้นนี้ศีรษะของผู้เต้นจะอยู่ระหว่างแขนทั้งสองข้างที่เหยียดตรงนี้ตลอดเวลา  การเคลื่อนไหวเริ่มจากการเอียงร่างกาย
- เอียงไปทางขวา 3 จังหวะ  แล้วกลับไปที่เดิม 2 จังหวะ
-  เอียงไปทางซ้าย 3 จังหวะ  แล้วกลับมาที่เดิม 2 จังหวะ
- ก้มลงไปข้างหน้า  2 จังหวะ  แล้วกลับมาที่เดิม  1 จังหวะ
- เอนไปข้างหลัง 2 จังหวะ  แล้วกลับมาที่เดิม 1 จังหวะ
จบท่าเต้นรำ 1 รอบด้วยการเหยียบแรงๆ  บนพื้นด้วยเท้าขวาและเท้าซ้าย  ในขณะที่เคลื่อนไหวอวัยวะส่วนบนของร่างกาย  เท้าของผู้ฝึกก็จะมีการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะที่สอดคล้องกันโดยจังหวะแรกเท้าขวาจะไปแตะพื้นหลังเท้าซ้ายและชักเท้าขวากลับที่เดิม  เท้าขวาเรียบติดพื้น เท้าซ้ายจะไปแตะพื้นหลังเท้าขวาแล้วชักเท้ากลับมาที่เดิม  เท้าซ้ายเรียบติดพื้น  ทำสลับกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ  ผู้ฝึกจะมีการพัฒนาสติเป็นอย่างมาก  เนื่องจากจะต้องควบคุมการทำงานของร่างกายส่วนบนและส่วนล่างให้ประสานกัน  พร้อมๆ  กับการภาวนาคำว่า  BABA  NAM KEVALAM  และคิดถึงความหมายของคำคำนี้อยู่ตลอดเวลา  เกาชิกินี้มีประโยชน์ต่อทุกส่วนของร่างกายจากหัวถึงเท้าทำให้เกิดการกระตุ้นแสงกายรัศมีออร่า ได้สว่างไสวงดงาม  
โดยสรุปศาสตร์แห่งการชำระล้างออร่าแบบนีโอฮิวแมนนิส  นั้น คือการเข้าถึงตัวตนจากวิญญาณที่เป็นแสงสว่างแห่งความรัก  ความบริสุทธิ์  และจิตเหนือสำนึก ( Superconscious mind ) อันเป็นการเข้าไปสู่ความไร้อัตตา  ตัวตนในที่สุด

*** สุดท้ายสำหรับวันนี้ขอแถมคลิปดีๆ มีสาระที่น่าศึกษาค่ะ ***



เรียบเรียงจากงานค้นคว้าและวิจัยของ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข
Phon : 091-5197945 , 081-9735945




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น